
เคยสงสัยไหม !! เรื่องของจอรับภาพโปรเจคเตอร์ ขนาด ต่าง ๆ
และมีคำต่อท้าย 4:3 หรือ 16:9 คืออะไร ?
สิ่งแรกเลย เราต้องมาทำความรู้จักเรื่องของรายละเอียด อัตราส่วนการแสดงผลของจอภาพมาตรฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจอโทรทัศน์ จอคอมพิวเตอร์ ไปจนถึงการแสดงผลแบบ HDTV ( High Definition Television ) ซึ่งการแสดงผลของภาพในปัจจุบันกำลังพัฒนาไปสู่การแสดงผลของภาพที่ให้ความคมชัดสูงมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อที่จะทำให้การแสดงผลของจอภาพรองรับมาตรฐานแบบ Full HD โดยมีรายละเอียดตามด้านล่างนี้
– Full HD (High Definition) 1920 x 1080
– HD (High Definition) 1280×720
– PC XGA (Extended Graphics Array) 1024×768
– SD (Standard Definition) PAL TV 768×576
– SD (Standard Definition) NTSC TV 720×480
– CIF (Common Intermediate Format) 352×288
– QCIF (Quarter Common Intermediate Format) 176×14
ความละเอียดของภาพ
VGA ( Video Graphics Array ) คือ ขนาดภาพ 640×480 พิกเซล ( 4:3 )
XGA (Extended Graphics Array ) คือ ขนาดภาพ 1024×768 พิกเซล ( 4:3 )
SVGA ( SuperVideo Graphics Array ) คือ ขนาดภาพ 800×600 พิกเซล ( 4:3 )
SXGA ( Super Extended Graphics Array ) คือ ขนาดภาพ 1280×1024 พิกเซล ( 4:3 )
SXGA+ ( Super Extended Graphics Array ) คือ ขนาดภาพ 1400×1050 พิกเซล ( 4:3 )
UXGA ( Ultra Extended Graphics Array ) คือ ขนาดภาพ 1600×1200 พิกเซล ( 4:3 )
ขนาดอัตราส่วนอื่นๆ อีก ที่ขึ้นต้นด้วย W เรียกว่า Wide Screen (จอกว้าง)
WVGA คือ ขนาดภาพ 840×480 พิกเซล ( 16:10 )
WXGA คือ ขนาดภาพ 1280×800 พิกเซล ( 16:10 )
WXGA+ คือ ขนาดภาพ 1440×900 พิกเซล ( 16:10 )
WSXGA คือ ขนาดภาพ 1680×1050 พิกเซล ( 16:10 )
WUXGA คือ ขนาดภาพ 1920×1200 พิกเซล ( 16:10 )
WXGA (HD-Ready) คือ ขนาดภาพ 1366×768 พิกเซล ( 16:9 )
WSVGA (Full HD) คือ ขนาดภาพ 1920×1080 พิกเซล ( 16:9 )
WXGA คือ ขนาดภาพ 1280×800 พิกเซล ( 16:10 )
WXGA+ คือ ขนาดภาพ 1440×900 พิกเซล ( 16:10 )
WSXGA คือ ขนาดภาพ 1680×1050 พิกเซล ( 16:10 )
WUXGA คือ ขนาดภาพ 1920×1200 พิกเซล ( 16:10 )
WXGA (HD-Ready) คือ ขนาดภาพ 1366×768 พิกเซล ( 16:9 )
WSVGA (Full HD) คือ ขนาดภาพ 1920×1080 พิกเซล ( 16:9 )
สำหรับบางคนที่ยังใหม่กับเรื่องอัตราส่วนภาพเมื่อเราพูดถึงอัตรา ส่วนแบบ 4:3 หรือ 16:9 หรือ 2.35:1 นั่นหมายถึงเรากำลังพูดถึงรูปทรงของขนาดภาพบนจอภาพที่เราเห็นจากภาพยนตร์ หรือวีดีโอดีวีดีซึ่งขนาดภาพนี้เรียกว่า “ Aspect Ratio “ เครื่องรับโทรทัศตามบ้านที่เราใช้กันหลายสิบปีก่อนมีอัตราส่วนภาพ (Aspect Ratio) 4:3 นั่นหมายความว่าภาพที่เราเห็นจะมีขนาดกว้าง 4 ส่วนและสูง 3 ส่วน เช่นกันในทีวีรุ่นใหม่ HDTV ซึ่งมีอัตราส่วนภาพเป็น 16:9 ก็จะมีอัตราส่วนความกว้าง 16 ส่วนและสูง 9 ส่วน ดังนั้นเราจึงเห็น HDTV มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าในแนวนอนโดยความยาวตามแนวนอนของ HDTV จะมากกว่าทีวีแบบธรรมดาที่เราใช้กันอยู่

จอภาพแบบ 16:9
ถ้าการรับชมภาพแบบ HDTV หรือ DVD Widescreen เป็นการชมภาพตามปรกติที่ใช้อยู่บ่อยๆแล้วละก็ การใช้โปรเจคเตอร์แบบ 16:9 และจอรับภาพแบบ 16:9 ก็คือส่วนประกอบที่ดีที่สุดแล้วในการรับชมภาพแบบ HDTV หรือ Widescreen เนื่องจากภาพที่ผลิตสำหรับ HDTV หรือ DVD Widescreen ส่วนใหญ่จะมาด้วยอัตราส่วนภาพแบบ 16:9 ซึ่งพอเหมาะพอดีกับจอรับภาพแบบ 16:9 ได้อย่างพอเหมาะ การฉายภาพอัตราส่วนแบบ 2.35:1 บนจอรับภาพที่มีอัตราส่วนแบบ 16:9 อย่างไรก็ตามเมื่อภาพยนตร์ต่างๆถูกนำมาทำเป็นดีวี ดีก็จะมีเรื่องของอัตราส่วนขนาดภาพเข้ามาเกี่ยวข้องให้ต้องพิจารณา มีภาพยนตร์หลายๆเรื่องที่มีขนาดภาพกว้างกว่า 16:9 แบบ ทั้งหมดมาพร้อมกับอัตราส่วน 2.35:1 ไม่ใช่ 1.78:1 ดังนั้นเมื่อรับชมภาพยนตร์เหล่านี้ด้วยจอ 16:9 ก็จะได้ขอบดำที่ด้านบนและด้านล่างของจอภาพเพิ่มขึ้นมาโดยขอบดำที่เกิดขึ้น นี้จะมีขนาดประมาณ 12 % ของความสูงของภาพ ขอบดำที่เกิดขึ้นนี้ถึงแม้จะไม่ใหญ่มากนักเมื่อเทียบกับการใช้จอภาพแบบ 4:3 แต่ก็ยังเป็นขอบดำให้เห็นอยู่ดี
ถ้าการรับชมภาพแบบ HDTV หรือ DVD Widescreen เป็นการชมภาพตามปรกติที่ใช้อยู่บ่อยๆแล้วละก็ การใช้โปรเจคเตอร์แบบ 16:9 และจอรับภาพแบบ 16:9 ก็คือส่วนประกอบที่ดีที่สุดแล้วในการรับชมภาพแบบ HDTV หรือ Widescreen เนื่องจากภาพที่ผลิตสำหรับ HDTV หรือ DVD Widescreen ส่วนใหญ่จะมาด้วยอัตราส่วนภาพแบบ 16:9 ซึ่งพอเหมาะพอดีกับจอรับภาพแบบ 16:9 ได้อย่างพอเหมาะ การฉายภาพอัตราส่วนแบบ 2.35:1 บนจอรับภาพที่มีอัตราส่วนแบบ 16:9 อย่างไรก็ตามเมื่อภาพยนตร์ต่างๆถูกนำมาทำเป็นดีวี ดีก็จะมีเรื่องของอัตราส่วนขนาดภาพเข้ามาเกี่ยวข้องให้ต้องพิจารณา มีภาพยนตร์หลายๆเรื่องที่มีขนาดภาพกว้างกว่า 16:9 แบบ ทั้งหมดมาพร้อมกับอัตราส่วน 2.35:1 ไม่ใช่ 1.78:1 ดังนั้นเมื่อรับชมภาพยนตร์เหล่านี้ด้วยจอ 16:9 ก็จะได้ขอบดำที่ด้านบนและด้านล่างของจอภาพเพิ่มขึ้นมาโดยขอบดำที่เกิดขึ้น นี้จะมีขนาดประมาณ 12 % ของความสูงของภาพ ขอบดำที่เกิดขึ้นนี้ถึงแม้จะไม่ใหญ่มากนักเมื่อเทียบกับการใช้จอภาพแบบ 4:3 แต่ก็ยังเป็นขอบดำให้เห็นอยู่ดี
จอภาพแบบ 4:3
การเลือกใช้โปรเจคเตอร์ที่ฉายภาพแบบ 4:3 กับจอภาพที่มีอัตราส่วน 4:3 อาจจะฟังดูโบราณอยู่สักหน่อยในขณะที่อัตราส่วน 16:9 กำลังได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบัน แต่ก็ยังมีหลายเหตุผลที่ควรจะเลือกใช้จอภาพ 4:3 อย่างแรกก็คือเราจะได้ภาพที่สมบูรณ์เต็มจอภาพเมื่อฉายภาพจากภาพยนตร์เก่าๆ ที่มาด้วยอัตราส่วน 4:3 ผลที่ได้จากการรับชมภาพแบบเต็มจอด้วยจอภาพ 4:3 ค่อนข้างที่จะเร้าใจมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการรับชมภาพขนาดที่เล็กกว่า และแสดงภาพได้แค่บริเวณตรงกลางจอภาพเมื่อใช้จอภาพ 16:9
การเลือกใช้โปรเจคเตอร์ที่ฉายภาพแบบ 4:3 กับจอภาพที่มีอัตราส่วน 4:3 อาจจะฟังดูโบราณอยู่สักหน่อยในขณะที่อัตราส่วน 16:9 กำลังได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบัน แต่ก็ยังมีหลายเหตุผลที่ควรจะเลือกใช้จอภาพ 4:3 อย่างแรกก็คือเราจะได้ภาพที่สมบูรณ์เต็มจอภาพเมื่อฉายภาพจากภาพยนตร์เก่าๆ ที่มาด้วยอัตราส่วน 4:3 ผลที่ได้จากการรับชมภาพแบบเต็มจอด้วยจอภาพ 4:3 ค่อนข้างที่จะเร้าใจมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการรับชมภาพขนาดที่เล็กกว่า และแสดงภาพได้แค่บริเวณตรงกลางจอภาพเมื่อใช้จอภาพ 16:9
ดังนั้น จะเห็นได้ว่ามีมากมายหลากหลายวิธีให้เลือกในการติดตั้งระบบโฮมเธีย เตอร์ หลานคนเลือกใช้จอภาพแบบ (16:9) เนื่องจากมีความเป็นอเนกประสงค์เมื่อใช้งานกับโฮมเธียเตอร์แต่ก็มีเหตุผลดีๆ อีกหลายเหตุผลที่สมควรจะเลือกใช้จอภาพแบบ 4:3 และ 2.35 ทางเลือกที่ดีที่สุดก็คือการเลือกจอภาพให้เหมาะสมกับการใช้งานของตนเองมาก ที่สุด อย่างไรก็ตามควรพิจารณาให้ดีเสียก่อนว่าต้องการที่จะฉายภาพแบบใด (ภาพยนตร์แบบ 2.35 ภาพยนตร์แบบ 16:9 HDTV ภาพยนตร์เก่าๆและสื่ออื่นที่มาในรูปแบบ (4:3) จะช่วยให้ได้รับความบันเทิงกับการชมภาพยนตร์ในระยะยาวได้อย่างคุ้มค่า
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมของจอโปรเจคเตอร์ได้ที่
ขอบคุณที่มา